TH | EN
TH | EN
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกTechnology“General-Purpose Technology” มองอนาคต AI ผ่านเลนส์ KBTG

“General-Purpose Technology” มองอนาคต AI ผ่านเลนส์ KBTG

องค์กรธุรกิจหลายแห่งทุกวันนี้มีความตื่นตัวในเรื่อง AI กันมากขึ้น เพราะเชื่อในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ว่าจะเป็นสิ่งที่มาเปลี่ยนแปลงโลก หลายแห่งอยากจะนำ AI มาใช้เพื่อสร้างประสิทธิภาพการทำงานในองค์กร บางรายอยากจะพัฒนาเทคโนโลยี AI ขึ้นเอง บางบริษัทก็ถามว่า AI strategy เป็นสิ่งจำเป็นหรือไม่ แต่ก่อนที่จะนำ AI มาใช้ ทุกคนต้องสำรวจความต้องการของตัวเองก่อนว่าต้องการนำ AI มาใช้ทำอะไร ตัวเองมีมุมมองต่อ AI อย่างไร รวมไปถึงต้องมีการใช้งานอย่างถูกต้องและยึดหลักธรรมาภิบาลด้วย

ผู้นำองค์กรธุรกิจใดที่ถูกพนักงานตั้งคำถามบ่อย ๆ เกี่ยวกับนโยบายการใช้ AI และยังไม่รู้ว่าควรจะเริ่มใช้ AI จากตรงไหน ลองมาฟังคำตอบจาก ดร.ทัดพงศ์ พงศ์ถาวรกมล Managing Director KBTG ซึ่งช่วยแชร์มุมมองด้าน AI และตัวอย่างความสำเร็จของ KBTG พร้อมทั้งให้คำแนะนำหากองค์กรใดต้องการนำ AI มาใช้ ภายใต้หัวข้อ AI Economy by AI Ecosystem, AI from one to millions จากงาน The Story Thailand Forum 2024

ดร.ทัดพงศ์ ทำงานด้าน AI มา 7 ปีเริ่มด้วยการเกริ่นนำว่า AI เป็นประเด็นยอดฮิตของปีนี้ มี Use cases และเครื่องมือใหม่ ๆ ออกมาให้ใช้จำนวนมาก

AI จะเป็นเทคโนโลยีอเนกประสงค์

ดร.ทัดพงศ์ เล่าถึงสถานการณ์ของ AI ในปัจจุบันผ่านมุมมองของ KBTG ว่า เราเชื่อว่า AI และ Gen AI มีศักยภาพที่จะเป็นสิ่งที่เราเรียกว่า “General-Purpose Technology” (GPT) หรือเทคโนโลยีอเนกประสงค์ที่ใช้ประโยชน์ได้กว้างขวางที่จะเปลี่ยนอารยธรรมของคนบนโลก  

จากที่มีโอกาสไปร่วมงาน World Economic Forum ปีนี้ เขาได้ฟัง แอนดรูว์ แมคอาฟี่ นักวิทยาศาสตร์จาก MIT SLOAN School of Management ที่แชร์ข้อมูลว่า ในมนุษยชาติของเรา จะมีเทคโนโลยีอยู่คลาส ๆ หนึ่งที่สามารถเรียกได้ว่า GPT และทุกครั้งที่เทคโนโลยีดังกล่าวเกิดขึ้นมา ก็จะเกิด Paradigm shift (การเปลี่ยนกระบวนทัศน์) ของโลก ตั้งแต่เครื่องจักรไอน้ำ ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟน

และนักวิทยาศาสตร์คนนี้ก็มีเหตุให้เชื่อได้ว่า AI และ Gen AI จะเป็น GPT ตัวต่อไป ซึ่ง GPT ต้องมีคุณลักษณะพิเศษ 3 ประการ คือ

  1. Rapid Improvement มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว เช่น Chat GPT ที่มีคน 100 ล้านคนใช้งานภายในเวลาแค่ 2 เดือน
  2. Pervasiveness มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย จากเดิม AI คือสิ่งที่ Developer สร้างขึ้นเพื่อใช้เอง แต่ตอนนี้ Gen AI เข้าถึงทุกคนแล้ว
  3. Complementary innovation มีการนำนวัตกรรมมาใช้งานร่วมกัน

“เมื่อมีองค์ประกอบครบทั้ง 3 ส่วน จึงเป็นเหตุผลที่เราเชื่อว่า Gen AI หรือ AI จะเป็น GPT ได้ และเมื่อมี  เทคโนโลยีใหม่เกิดขึ้น Implication อย่างแรกคือจะเกิด Economic growth เพราะ Technology is a master of civilization และเกิดการ Shift skills and incomes  และสุดท้ายเกิด Business ecosystem ขึ้นมาใหม่ จะมี New winners และ New losers” ดร. ทัดพงษ์กล่าว

AI ส่งผลต่อ GDP

หลาย ๆ คนที่ไม่ได้เป็นนักเศรษฐศาสตร์อาจสงสัยว่า ทำไม AI ถึงส่งผลต่อ GDP ความจริงแล้ว GDP มี Direct correlation กับการมีความสุข หรือ Life Satisfaction และ Life expectancy  หรืออายุขัยเฉลี่ยของของคนในชาติ

มีผลวิจัยพบว่า ถ้าประเทศอยากทําให้คนในชาติมีความสุขมากขึ้น วิธีหนึ่งที่มีผลก็คือการเพิ่ม GDP per capita ซึ่ง AI และ Gen AI สามารถเข้ามาช่วยในส่วนนี้ได้

สำรวจ AI Journey ของเราอยู่ตรงไหน

สำหรับองค์กรที่ต้องการนำ AI มาใช้ ดร. ทัดพงษ์แนะนำว่า ก่อนอื่นต้องรู้ว่าตัวเองอยู่ในเกมหรือเฟสไหน ซึ่งถ้าดู The ABCs of Corporate AI Journey เส้นทางการใช้หรือสร้างเทคโนโลยี AI แบ่งออกเป็น 3 เฟส คือ A – B – C

A: Apply ขั้นแรกต้องรู้ว่า AI คืออะไร ช่วยทำอะไรได้บ้าง ซึ่งเราไม่จำเป็นที่จะต้องสร้าง AI ขึ้นมาตั้งแต่วันแรก แต่อาจนำ AI ที่มีอยู่แล้วมาประยุกต์ใช้ก่อน เบื้องต้นอาจจะเริ่มจากตั้งทีมเล็กๆ ทีมหนึ่งและเริ่มประเมินว่าธุรกิจของเราหรือในอุตสาหกรรมของเรามี Use cases อะไรอยู่บ้าง บางรายอาจจะเริ่มสร้างทีม AI champion ไปช่วยฝ่าย Management ดูว่าจะนำเทคโนโลยีตัวไหนมาใช้ในองค์กรบ้าง

“Key สําคัญที่สุดของเฟสนี้ คือการให้ความรู้กับตลาด ให้ความรู้กับองค์กรของเรา และให้ความรู้กับพนักงานของเรา” ดร. ทัดพงษ์กล่าว

KBTG เคยอยู่จุดนี้เมื่อ 7 ปีที่แล้ว เราตั้ง KBTG Labs มาช่วยดูว่าเทคโนโลยีไหนที่จะช่วยองค์กรได้ เราทดลองใช้ AI มากกว่า 100 Use cases และทำ AB testing เพื่อวัดผลดูว่า AI ที่ใช้นั้นได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมหรือยัง

ปัจจุบัน KBTG ก็ยังทดลองเฟส A อยู่ พอมี Gen AI เข้ามาเราก็ต้องมาประเมินเหมือนเดิมก่อนที่จะทําอะไร เราใช้ Gen AI ของ Solution คนอื่นมาศึกษาว่าถ้าสมมติให้โปรแกรมเมอร์ใช้ Gen AI เพื่อ Generate code จะเวิร์กหรือไม่ สุดท้ายแล้ว AI ยังไม่สามารถมาแทนที่ Developer ได้ ยังต้องมีการเวิร์กกันอีกระยะหนึ่ง แต่สามารถช่วยเพิ่ม Productivity ได้ ก็เป็น Promising result ที่เราจะขยายผลต่อ

B: Build การเปลี่ยนมาอยู่เฟสนี้ก็ต่อเมื่อเรามั่นใจใน AI หลาย ๆ ด้านแล้ว อยากจะใช้ AI เข้ามาเปลี่ยนหรือสร้างกระบวนการในองค์กร แล้วสร้างให้เป็นบรรทัดฐานใหม่ของการทำงาน ทําให้การทํางานภายในของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น การมาถึงจุดนี้ได้อาจจะไม่ต้องสร้าง AI ก็ได้ แต่การสร้างจะทําให้ได้ประโยชน์หลายอย่าง การจ้างทาเลนท์เข้ามาเพื่อพัฒนา AI จะทําให้เราสามารถ Optimize สิ่งต่าง ๆ นอกเหนือจากการซื้อ Solution มาใช้

ยกตัวอย่างเช่น เราจะเริ่มทำ Model inhouse ก็ต้องมีการตั้งทีมวิจัย รวบรวมข้อมูล และทำ AI operation กับพาร์ตเนอร์ของเรา เช่น KBTG ตั้ง Kampus Co-Research ร่วมทำงานกับทางมหาวิทยาลัยต่างๆ และหน่วยงานด้านวิจัยทั้งไทยและต่างประเทศ เราร่วมกับ MIT Media Lab พัฒนา Future You เทคโนโลยี AI ที่ผู้ใช้งานสามารถคุยกับตัวเองในอนาคตได้  เราใช้ AI พัฒนา KBTG chatbot เพื่อตอบคำถามลูกค้าธนาคารกสิกรไทย ซึ่งช่วยลดเวลาการรอของลูกค้าได้มากถึง 300,000 ชั่วโมง และประหยัดค่าใช้จ่ายของธนาคารได้ประมาณ 130 ล้านบาทต่อปี

KBTG เพิ่งเปิดตัว THaLLE (ทะเล) โมเดลภาษาไทยที่มีความเข้าใจเรื่องการเงิน (Financial LLM) ตัวแรกของประเทศ ซึ่งสอบผ่านข้อสอบระดับเทียบเท่า Chartered Financial Analyst (CFA) และสามารถให้คำตอบด้านการเงินดีเป็นอันดับต้นๆ

C: Commercialize เฟสนี้คือเฟสที่ทุกคนมั่นใจในความสามารถของ AI ขององค์กรตัวเองแล้ว และมองว่า AI ของเราจะช่วยสร้างความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ที่จะนำเสนอให้ลูกค้าหรือผู้ใช้ เฟสนี้ต้องมีการตั้งทีมงานใหม่ ตั้งบริษัทใหม่จากความสามารถของคนในองค์กร เพื่อให้ AI เป็นอีกหนึ่งหน่วยธุรกิจ (BU) ที่สร้างรายได้กลับเข้ามาในบริษัท

ยกตัวอย่าง KBTG ตั้ง KX ธุรกิจที่มุ่งสร้างสตาร์ตอัพด้าน AI ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ หรือ KXVC เงินลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ นอกจากนี้ ยังเฟ้นหาธุรกิจใหม่ เช่น เทคโนโลยี AINU ที่ใช้ AI คํานวณความเสียหายจากการถ่ายรูปรถยนต์ ซึ่งมีธุรกิจประกันนำไปใช้แล้ว

AI principles and governance

สุดท้ายนี้ ดร.ทัดพงษ์ ฝากไว้ว่า สิ่งที่สําคัญที่สุดที่องค์กรหรือบริษัทต้องกำหนดไว้ตั้งแต่วันแรกคือ มุมมองของเราต่อ AI และมีแผนที่จะควบคุมหรือดูแลอย่างไร ซึ่ง AI vision ของ KBTG ในปัจจุบันคือการเป็น Human-first AI-first transformation และตั้งใจว่าจะเป็น AI-first organization ภายในปี 2027

Principles ของ KBTG ในการสร้าง AI มี 4 ประการคือ

  1. Human-First AI: เราเชื่อว่า AI มีเพื่อให้บริการมนุษย์และอยู่ร่วมกับมนุษย์
  2. Agile & Experimental AI: เราเชื่อในการทดลองและการวิจัยที่ไม่สิ้นสุด
  3. Trustworthy AI:  AI ที่สร้างมาต้องเชื่อถือได้
  4. Sustainable AI: AI ที่พัฒนามาต้องมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดเพื่อความยั่งยืนในอนาคต

ส่วนเรื่อง Governance นั้น ไม่ว่าองค์กรจะอยู่ในขั้นไหนของ AI Journey จะต้องยึดหลักธรรมาภิบาล ปัจจุบันมีหลายสถาบัน เช่น สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) World Economic Forum (WEF) และ National Institute of Standards and Technology (NIST) ได้ให้แนวทางปฏิบัติไว้

อีกเรื่องที่สำคัญคือ People’s culture ผู้บริหารควรจะมองคนในองค์กรของตัวเองว่าอยากให้คนในองค์กรมีความสามารถเกี่ยวกับ AI อย่างไร

KBTG มองพนักงานเป็น 3 ระดับคือ

  • AI user: มีความเข้าใจใน AI  สามารถใช้เทคโนโลยี AI ได้
  • AI engineer: ใช้ AI มาสร้าง Solution ให้กับทุกคน
  • AI researcher: สร้างผลิตภัณฑ์หรือแพลตฟอร์ม AI ใหม่ ๆ  

“เรามีแผนในการพัฒนาและอบรมบุคลากรในแต่ละระดับ และมีแผนที่จะเปลี่ยนทุกคนในองค์กรให้ เป็น AI user 100 เปอร์เซ็นต์ภายในปลายปีนี้”

บทความอื่น ๆ จากงาน The Story Thailand Forum 2024

ความยั่งยืน คือหมุดหมายปลายทางของ ESG ที่ปฏิบัติจริงของ ‘แปซิฟิกไพพ์’

“Career” และ “Role” หมวก 2 ใบของนักธุรกิจที่ช่วยสร้างโลกให้ยั่งยืน

44 นาทีกับ “สมคิด จิรานันตรัตน์” อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของ digital transformation เมืองไทย

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ