TH | EN
TH | EN
spot_imgspot_imgspot_img
หน้าแรกBusinessจากผงชูรส สู่การทำเกษตรอย่างยั่งยืน อายิโนะโมะโต๊ะเดินหน้าสร้างสังคม “กินดีมีสุข”

จากผงชูรส สู่การทำเกษตรอย่างยั่งยืน อายิโนะโมะโต๊ะเดินหน้าสร้างสังคม “กินดีมีสุข”

ความท้าทายขององค์กรธุรกิจที่มีส่วนสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะหลีกเลี่ยงได้หรือไม่ได้ คือการลดผลกระทบให้เหลือน้อยที่สุด และนั่นจึงทำให้ทุกองค์กรต้องมีแผนจัดการกระบวนการผลิตของตัวเอง เพื่อสร้างความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด

เช่นเดียวกับ อายิโนะโมะโต๊ะ บริษัทชั้นนำในกลุ่มธุรกิจผู้ผลิตอาหารที่ยังคงตอกย้ำวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำในการสร้าง “ความกินดีมีสุข” อย่างยั่งยืนให้กับคนทั่วโลก ที่ครอบคลุม 3 มิติ คือ ผู้บริโภค สังคมและสิ่งแวดล้อม และพนักงาน โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายว่าในปี 2030 จะสามารถยืดอายุขัยเฉลี่ยของคนได้ 1000 ล้านคนทั่วโลกและลดผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมลง 50%

ในการแถลงแผนธุรกิจปี 2024 อิชิโระ ซะกะกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนการลดผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย 5 ด้าน คือ ลดก๊าซเรือนกระจก ลดขยะพลาสติก ลดการสูญเสียอาหาร (Food loss) อนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ และการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน 100%

สำหรับการจัดการเรื่องคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรหรือปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกจากกิจกรรมนั้น อิชิโระ ซะกะกุระ กล่าวว่า ตอนนี้พูดได้ว่า บริษัทสามารถจัดการแก้ปัญหา Scope 1 หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงและ Scope 2 หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมได้แล้ว

ตั้งแต่ปี 2018 จนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ สามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้เหลือ 9% สามารถลดขยะพลาสติกลง โดย 56% ของแพคเกจจิ้งเป็นวัสดุรีไซเคิลทั้งหมด ปีที่แล้ว บรรจุภัณฑ์ของผงชูรสที่ขายในไทย อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์เป็นกระดาษทั้งหมด ส่วนที่ญี่ปุ่นบรรจุภัณฑ์เป็นกระดาษทั้งหมด

สานโครงการ Thai Farmer Better Life Partner

ตอนนี้ความท้าทายคือทำอย่างไรถึงจะลด  Scope 3 หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมที่อยู่เหนือการควบคุมหรือที่มาจากวัตถุดิบของบริษัทฯ นั่นจึงเป็นที่มาที่อายิโนะโมะโต๊ะริเริ่มโครงการ Thai Farmer Better Life Partner ในปี 2020 โดยมุ่งไปที่เกษตรกรมันสำปะหลังในฐานะที่บริษัทฯ เป็นผู้ใช้แป้งมันสำปะหลังเบอร์ 1 ในประเทศไทย

“ชาวไร่มันสำปะหลังต้องประสบปัญหาหลายอย่าง แต่ที่วิกฤตสุดคือ โรคใบด่างในไร่ เพราะถ้าติดโรคแล้ว ผลผลิตก็จะลดลงต่ำมาก เกษตรกรก็จะมีรายได้ลดลง ส่วนเราก็จะไม่มีแป้งมันคุณภาพดี หรือการจัดซื้อจัด จ้างอย่างยั่งยืนก็จะเกิดไม่ได้เลย ทำให้เราต้องสนับสนุนชาวไร่มัน” อิชิโระ ซะกะกุระกล่าว

โครงการดังกล่าวซึ่งย่างเข้าปีที่ 4 มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มศักยภาพและเสริมทักษะเกษตรกรไทยแบบครบวงจร เริ่มตั้งแต่การเข้าไปสำรวจปัญหาของเกษตรกร พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานชั้นนำ อาทิ กรมส่งเสริมการเกษตร และ BIOTEC-NSTDA เป็นต้น ด้วยการใช้แนวคิดวัฏจักรชีวภาพ (Ajinomoto Biocycle) สร้างระบบนิเวศเชิงบวกในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเกษตรกรไทย

ปลูกมันสำปะหลังวิถียั่งยืน

สำหรับการปลูกมันสำปะหลังภายใต้แนวคิดดังกล่าว บริษัทฯ จะเข้าไปช่วยสนับสนุนเกษตรกรและให้ความรู้ความเข้าใจตั้งแต่ตอนเพาะต้นกล้าลงดิน โดยต้องมีการวิเคราะห์คุณภาพดินก่อน เพื่อให้รู้ว่าควรใส่ปุ๋ยชนิดใด และช่วงเวลาที่เหมาะสมในการใส่ปุ๋ย

“ถ้าเกษตรกรสามารถปลูกมันได้ตามวิธีการนี้ เราก็น่าจะได้แป้งที่ดี แต่สิ่งสำคัญคือต้องวิเคราะห์และตรวจให้พบโรคเร็วที่สุดเพื่อจะได้สามารถป้องกันการแพร่กระจายของโรคได้ ชาวไร่มันก็จะมีต้นกล้าที่ปลอดโรค และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน” อิชิโระ ซะกะกุระกล่าว

ปัจจุบัน มีเกษตรกรมากกว่า 1,500 รายที่เข้าร่วมโครงการ ผลที่ได้ถือว่าน่าพอใจ ถ้าเปรียบเทียบผลผลิตที่ได้จากการปลูกตามวิถีของอายิโนะโมะโต๊ะพบว่า ในปี 2022 มีผลผลิต 3.86 ตันต่อไร่ และเพิ่มเป็น 4.1 ตันต่อไร่ในปี 2023 ซึ่งถือว่าได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 26 ถึง 28% ส่วนการปลูกตามวิถีปกติของชาวไร่ทั่วไป จะได้ผลผลิตเพียง 3.04 ตันต่อไร่ในปี 2022 และเพิ่มเป็น 3.2 ตันต่อไร่ในปี 2023

ความท้าทายอย่างหนึ่งคือ การติดตามเกษตรกรทั้ง 1500 คนว่าส่งมันสำปะหลังให้โรงงานใดบ้างก่อนจะมาถึงอายิโนะโมะโต๊ะ

บริษัทฯ ยังตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2030 จะสามารถขยายการปลูกพืชแบบยั่งยืนไปสู่พืชชนิดอื่นๆ ด้วย เช่น ข้าว กาแฟ ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้นศึกษา คิดว่า 1-2 ปี น่าจะเห็นผล

“เราพร้อมสนับสนุนให้ประเทศไทยเดินหน้าสู่ศูนย์กลางการเกษตรและอาหาร (Agriculture and Food Hub) ด้วยการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ลดคาร์บอน และการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและการเกษตรของไทย การมีซัพพลายที่มั่นคงก็เท่ากับเราสามารถมีแป้งมาผลิตผงชูรสได้พอและได้วัตถุดิบมีคุณภาพ ถือเป็นการเสริมสร้างคุณค่าทางสังคมและคุณค่าทางเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กัน” อิชิโระ ซะกะกุระ กล่าวทิ้งท้าย

ขยายธุรกิจเปิดตัว แอป i-LiveWell

แอป i-LiveWell

บริษัทฯ ยังประกาศเปิดตัว แอปพลิเคชัน i-LiveWell แพลตฟอร์มกินดีมีสุขฉบับมนุษย์เงินเดือน  โดยวันนเรศวร์ สุขีลักษณ์ ผู้จัดการแผนกธุรกิจใหม่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่บริษัทฯ ต่อยอดความเชี่ยวชาญจากผู้ผลิตอาหารสู่เซอร์วิส ด้วยการเปิดตัวนวัตกรรมสุขภาพสำหรับองค์กร แอป i-LiveWell โดยร่วมมือกับ Invitrace พันธมิตรผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพในการพัฒนาแอปรุกตลาดการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันด้วยโมเดลธุรกิจแบบ B2B

ทางบริษัทฯ มีแผนเจาะ 50 บริษัททั่วไทยที่มีนโยบายเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพของพนักงาน เพื่อปลั๊กอินยกระดับสุขภาพพนักงานออฟฟิศด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ดูแลสุขภาพกายใจให้ดีแบบองค์รวม ตั้งเป้ามีพนักงานผู้ใช้งานกว่า 3,000 คน ภายในปี 2025

แอป i-LiveWell มีฟีเจอร์หลัก เช่น  A.I. Personal Health คำนวณแคลอรี่ นับก้าวเดิน ทำอาหาร ออกกำลังกาย การประเมินสุขภาพ ที่เชื่อมโยงกับภารกิจของบริษัท และ Entertainment Activity เกมและอวตาร คอมมูนิตี้ และรางวัลพิเศษ ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถป้องกันและดูแลสุขภาพที่ดีแก่พนักงานให้กินดีมีสุขอย่างยั่งยืน

ปัจจุบัน อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) เป็นบริษัทธุรกิจผู้ผลิตอาหารอันดับ 8 ของประเทศ ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่ทำรายได้หลักและครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงที่สุดคือ ผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ 93% รสดี 89% และกาแฟกระป๋องเบอร์ดี้ 53%

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

NT ร่วมมือ Visai เปิดบริการ AI แพลตฟอร์ม ภายใต้แบรนด์ NT AI Connect

Ascend Money รับเงินลงทุนจาก MUFG เร่งสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงินดิจิทัลในไทย

STAY CONNECTED

0แฟนคลับชอบ
440ผู้ติดตามติดตาม
spot_img

Lastest News

MUST READ